" "

รีวิวโปรแกรม Sketchup แบบซื้อขาดกับแบบเช่าใช้ ต่างกันยังไง

รีวิวโปรแกรม Sketchup แบบซื้อขาดกับแบบเช่าใช้ ต่างกันยังไง

Sketchup โปรแกรมสร้างแบบสามมิติที่มีชื่อเสียงมายาวนานหลายปี ด้วยการที่เป็นโปรแกรมที่ใช้ง่าย ทำความเข้าใจง่าย ดูไม่ซับซ้อนมากนัก เหมาะกับการสร้างรูปแบบ 3D แบบที่ไม่เน้นความเป๊ะของสเกลจนเกินไป ซึ่งในปัจจุบันนี้ Sketchup ได้มีการเก็บเงินเป็น 2 รูปแบบแล้ว คือแบบการซื้อลิขสิทธิ์มาเลย กับแบบเช่าใช้รายปี รายละเอียดเป็นอย่างไร ไปชมกันครับ

SketchUp Pro เรียกได้ว่าเป็น Software สำหรับงานเขียนแบบ 3D ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก เพราะเป็น Software สำหรับเขียนแบบงาน 3D CAD ที่ใช้งานง่าย เหมาะกับการเริ่มต้นใช้งานสำหรับมือใหม่และกับมืออาชีพ เพราะการใช้งานที่ค่อนข้างมีความคล่องตัวและ สามารถติดตั้ง Plug in ส่วนเสริมที่เป็นตัวช่วยในการใชงานเช่น การถอดปริมาณ งานท่อ งานเหล็ก ซึ่งมีให้เลือกมากมายใน Extension Warehouse หรือแม้แต่การโหลดโมเดลต่างๆเช่น เก้าอี้ ปลั๊กไฟ ประตู ของตกแต่งบ้าน ก็สามารถทำได้ผ่าน 3D Warehouse

สำหรับ SketchUp Pro ที่มีจำหน่ายอยู่ตอนนี้จะมีด้วยกันอยู่ 2 ประเภทคือ

SketchUp Pro Classic (ซื้อขาด)
SketchUp Pro Subscription (เช่าใช้)

สิ่งที่จะได้เหมือนกันเมื่อซื้อ SketchUp Pro ทั้ง 2 ประเภทก็คือ
SketchUp Pro เวอร์ชั่นล่าสุด
Layout
Style Builder
Maintenance & Support ฟรี 1 ปี
ใช้งานได้บน Windows หรือ Mac

ข้อแตกต่างของ SketchUp Pro Classic และ SketchUp Pro Subscription

SketchUp Pro Classic

แน่นอนว่าเมื่อเป็นเวอร์ชั่น Classic (ซื้อขาด) สามารถใช้งานได้ตลอดไม่มีวันหมดอายุ ข้อมูล License จะติดอยู่กับเครื่องที่เรา Activate จึงสามารถใช้งานแบบ Offline ได้ตลอดเวลา และภายใน 1 ปี หาก SketchUp Pro มีเวอร์ชั่นใหม่ออกมาเราสามารถอัพเกรดได้ฟรี(ถ้าต้องการใช้เวอร์ชั่นใหม่หลังจากนั้นสามารถทำได้โดยมีค่าใช้จ่าย) ในกรณีต้องการเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์ก็สามารถย้ายเครื่องได้(มีเงื่อนไข) แต่อาจจะมีความยุ่งยากหากมีจำนวณ License มากกว่า 1 ตัว เพราะหากไม่มีการจดบันทึกจะทำให้ License สูญหายได้

SketchUp Pro Subscription

สำหรับการซื้อแบบ Subscription คือการเช่าใช้งานแบบรายปี ก็คือต้องจ่ายทุกปี แต่เราสามารถใช้เวอร์ชั่นล่าสุดได้ตลอดเวลา ในการใช้งานแบบ Offline สามารถทำได้สูงสุดเป็นเวลา 28 วัน ในการ Activate เข้าใช้งานจะใช้วิธี Log in ด้วย Email และ Password สิ่งที่พิเศษกว่าของ Subscription คือ สามารถเขียนและแก้ไขงานบน Web และ Smartphone ได้ด้วย การจัดการข้อมูล License ในกรณีมีผู้ใช้งานหลายคนทำได้ไม่ยากผ่านทางหน้า Web สามารถเพิ่มหรือฟเปลี่ยนผู้ใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่ต้องกลัว License จะสูญหาย
SketchUp Pro Classic เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานที่ไม่ต้องการเปลี่ยนคอมพิวเตอร์บ่อยๆ ต้องการใช้งานยาวหรือในองค์กรณ์ขนาดเล็ก ไม่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และมีผู้ดูแลข้อมูล License ในกรณีที่มีผู้ใช้หลายคน

SketchUp Pro Subscription เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความยืดหยุ่นของการทำงาน มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอยู่เสมอ องค์กรทั้งขนาดเล็กและใหญ่เพราะสามารถจัดการ License ได้ง่ายกว่ามาก
SketchUp Pro ไม่ว่าจะเป็น License ในรูปแบบ Classic หรือ Subscription การใช้งานเรียกได้ว่าคุ้มค่าในรูปแบบที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่าจะสะดวกสำหรับการใช้งานแบบไหน เพราะด้วยราคาที่ต่างกันมากกว่าเท่าตัวรูปแบบ Subscription ก็ดูน่าสนใจไม่น้อยด้วยฟังชั่นต่างๆที่มีเพิ่มเข้ามา แต่ถ้าอยากซื้อครั้งเดียวคงต้องมองเป็น Classic

————————————————–

ติดตามและไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวของ ข่าวIT

ข่าวล่าสุด